วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560

ปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติงานธุรการโรงเรียน

1. ปัจจัยหลัก  การปฏิบัติงาน มากกว่า 1 โรงเรียน
พ.ศ.2552 – รัฐบาลได้ดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานหรือโครงการต้นกล้าอาชีพ ตามแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน ขณะเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้เสนอโครงการคืนครูให้นักเรียนโดยมีการจ้างบุคคลเพื่อมาทำงานธุรการแทนครู ในจำนวน 14,532 อัตรา โดย เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2552 คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุดที่ศธ 04009/2171 ถึง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ผอ.สพท.) ทุกเขต/ผอ.สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.) สำนักงานโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงาน ได้ขอความร่วมมือจาก สพฐ. ขอให้สพท.ช่วยรับเป็นจุดลงทะเบียนแก่ผู้จบการศึกษาใหม่ระดับปริญญาตรีที่ประสงค์จะทำงานในโรงเรียนในเขตพื้นที่นั้นๆพร้อมทั้งขอให้ สพท.เป็นผู้ประสานจัดส่งผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมไปยังโรงเรียนต่างๆในเขตพื้นที่นั้นๆ เพื่อให้รับการฝึกงานเป็นเวลา 5 เดือนโดยคาดว่าจะเริ่มฝึกอบรมตั้งแต่วันที่ 1-16 พฤษภาคมเพื่อให้สามารถช่วยงานธุรการที่โรงเรียนได้ โดยมีขอบข่ายภารกิจและหน้าที่ ดังนี้
  1. งานธุรการ สารบรรณ จัดเก็บเอกสารหลักฐานทะเบียนและหนังสือราชการต่าง ๆ รวมทั้งระบบ E-Office
  2. งานพัสดุ จัดลงทะเบียน คุมการเบิกจ่าย การจัดเก็บ รักษาดูแล ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
  3. งานข้อมูลสารสนเทศ จัดระบบทะเบียน ระเบียนข้อมูล การสํารวจและบันทึกข้อมูลการจัดทํารายงานข้อมูล จัดส่งและรับข้อมูล ในระบบ ICT
  4. งานการประสานงาน การติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานส่วนราชการอื่น ๆ ชุมชน และท้องถิ่น การให้บริการแก่ประชาชนหรือผู้มาขอรับบริการหรือติดต่อราชการ
  5. ปฏิบัติงานอื่นตามที่ได้รับมอบหมาย
ด้วยงานธุรการ เป็นงานที่อยู่ในส่วนของงานบริหารจัดการ จึงประกอบด้วยภารกิจที่สำคัญโดยเฉพาะเรื่องการประสานงานราชการต่างๆ การไปปฏิบัติหน้าที่ 2 โรงเรียน จึงเป็นสาเหตุหลักและเป็นเหตุให้งานสะดุด ล่าช้า ไม่ทัน ไม่ตรงตามเวลาที่กำหนด การทำงานผิดพลาด รวมถึงมีผลกระทบต่อการวางแผนงานบุคคลากรในโรงเรียน
  • แนวทางที่ปฏิบัติ เพื่อสร้างช่องทาง และการเชื่อมโยงเครือข่ายงานเพื่อความสะดวกในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย เนื่องจากบางครั้งเว็บของหน่วยงานต้นสังกัดอาจปิดปรับปรุงหรือไม่สามารถใช้งานได้ จึงเป็นอีกทางเลือกที่ทำให้การกำเนินงานข้อมูลต่างๆ ตลอดจนการติดต่อ เชื่อมโยงเครือข่าย สืบค้นข้อมูลได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว โดยการหลอมเอาทุกงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องมารวมอยู่ที่เดียวกัน รวมทั้งเหมาะกับการนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของธุรการโรงเรียนที่มีหน้าที่รับผิดชอบงานมากกว่า 1 โรงเรียน และการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เราสามารถกำหนดได้ด้วยตัวเองทุกแฟรทฟอร์ม ว่าจะให้สาธารณะเพื่อประชาสัมพันธ์ หรือ ภายในองค์กร หรือส่วนตัว 
  • http://elleschools.blogspot.com/2016/08/blog-post.html

2. ปัจจัยและการจัดระบบภายในส่วนงานสารบรรณที่เกิดจากการตัวบุคคล
  • การตั้งชื่อไฟล์ และแฟ้มงานไม่ชัดเจน
  • การเรียกงานเดิมมาใช้และมีการบันทึกทับ ทำให้ข้อมูลเดิมเสียหาย เสี่ยงต่อความผิดพลาด
  • ขาดความเชี่ยวชาญในการใช้คอมพิวเตอร์ รวมทั้งความรู้เรื่องระบบความปลอดภัยของไฟล์ข้อมูลประเภทออฟฟิศ ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกทำลายจากไวรัส อาจเป็นปัญหาเล็กน้อย แต่ก็เกิดความเสียหายและสิ้นเปลืองวัสดุสำนักงาน เช่น เมื่อแก้ไขไฟล์งานแล้วเวลาสั่งพิมพ์ คอมพิวเตอร์ไม่สามารถประมวลผลได้ และยังพิมพ์งานเดิมออกมาอยู่ ซึ่ง สิ่งเหล่านี้ สามารถศึกษารายละเอียดย่อยจากภัยคุกคามระบบคอมพิวเตอร์
  • การเก็บไฟล์ข้อมูลไว้ในไดร์เดียวกับระบบวินโดว์ หรือ พื้นที่การทำงานของระบบ เช่น C:/ , Documents , Desktop ซึ่งมีความเสี่ยงการถูกทำลาย เมื่อระบบวินโดว์ล่ม ไม่สามารถใช้งานและกู้คืนได้
  • ความล้มเหลวของการจัดเก็บข้อมูล เมื่อคอมพิวเตอร์ส่วนกลางมีผู้ใช้หลายคน และไม่ปฏิบัติในทิศทางเดียวกันตามระบบและแบบที่วางไว้
ปัญหาที่เกิดขึ้นภายใน - ระบบจัดเก็บไฟล์ข้อมูล ในเครื่องคอมพิวเตอร์งานธุรการโรงเรียน การจัดเก็บไม่เป็นหมวดหมู่ ทำให้ยากต่อการค้นหา การจัดเก็บข้อมูลจำเป็นต้องมีแผนในการดำเนินการ หรือกล่าวได้ว่าการได้มาซึ่งข้อมูลที่จะนำมาใช้ประโยชน์ องค์การจำเป็นต้องลงทุน ทั้งในด้านตัวข้อมูล เครื่องจักร และอุปกรณ์ ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรขึ้นมารองรับระบบ เพื่อให้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการระบบข้อมูลจึงต้องคำนึงถึงปัญหาต่างๆ และพยายามมองปัญหาแบบที่เป็นจริง สามารถดำเนินการได้และมีประสิทธิภาพ ข้อมูลที่ดีจะต้องมีคุณสมบัติขั้นพื้นฐาน ดังนี้
  • ความถูกต้อง หากมีการเก็บรวบรวมข้อมูลแล้ว ถ้าข้อมูลที่เก็บมาเชื่อถือไม่ได้จะทำให้เกิดผลเสียอย่างมาก ผู้ใช้จะไม่กล้าอ้างอิงหรือนำเอาไปใช้ประโยชน์ ซึ่งเป็นเหตุให้ การตัดสินใจของผู้บริหารขาดความแม่นยำ และอาจมีโอกาสผิดพลาดได้ รูปแบบการจัดเก็บ ข้อมูลต้องคำนึงถึงกรรมวิธีการดำเนินงานเพื่อให้ได้ความถูกต้องแม่นยำมากที่สุด
  • ความรวดเร็วและเป็นปัจจุบัน การได้มาของข้อมูลจำเป็นต้องให้ทันต่อความต้องการของผู้ใช้ ทันสมัย และทันต่อเหตุการณ์ปัจจุบัน
  • ความสมบูรณ์ ข้อมูลที่มีความสมบูรณ์คือข้อมูลที่สามารถตอบสนองความต้องการของมนุษย์ ซึ่งจะขึ้นกับวิธีการรวบรวมข้อมูลและวิธีการประมวลผล ดังนั้นใน การดำเนินการรวบรวมข้อมูลต้องสำรวจและสอบถามความต้องการในการใช้ข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความสมบูรณ์
  • ความกระชับและชัดเจน การจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากจะต้องใช้พื้นที่มาก จึง จำเป็นต้องออกแบบโครงสร้างข้อมูลให้กระชับและสื่อความหมายได้ อาจมีการใช้รหัสแทน ข้อมูลให้เหมาะสมเพื่อจัดเก็บไว้อย่างเป็นระบบ
  • ความสอดคล้อง ความต้องการเป็นเรื่องที่สำคัญ ดังนั้นจึงต้องมีการสำรวจเพื่อ หาความต้องการของหน่วยงานและองค์การ ดูสภาพการใช้ข้อมูล และขอบเขตของข้อมูลที่ สอดคล้องกับความต้องการ
3. ปัจจัยแวดล้อม เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงและเลี่ยงไม่ได้
หลังจากวิเคราะห์งาน ที่ตนเอง รับผิดชอบ วิเคราะห์ปัญหา เริ่มจากตัวเองก่อน คิดแตกออกไประดับ องค์กรเดียวกัน ไปจนถึงองค์รวมจน ระดับโลก ในระบบงานไม่ว่าจะเป็นองค์กรไหน ที่จะขาดไม่ได้ และให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุดหรือไม่เกิดเลย คืองานสารบรรณ งานธุรการ งานติดต่อสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ ข้อมูลสารสนเทศ ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการบริหารงาน ดังนั้น การมีทักษะ พื้นฐาน ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะ เทคโนโลยีและการสื่อสาร ที่จำเป็นอย่างมากในยุคเปลี่ยนผ่าน การจัดโครงสร้างและมีประสิทธิภาพสูง เป็นกุญแจสำคัญในการให้บริการที่เหมาะสมกับการบริหารจัดการองค์กรทุกๆองค์กรในโลกที่ปัจจุบันมีการแข่งขันและมุ่งเน้นไปที่การค้า การพัฒนาเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม ปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม และต้องสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างสะดวก รวดเร็วและถูกต้อง โดยไม่สร้างภาระงานให้ยุ่งยากไปกว่าเดิม


  • การนำเทคโนโลยีมาช่วยในงานบริหารจัดการ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ปฏิบัติจะมุ่งไปที่การบริหารระดับสูง การใช้ข้อมูลสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจระดับผู้บริหาร ส่วนงานบริการ ธุรการ งานสารบรรณ หรือแม้แต่ข่าวสาร การประชาสัมพันธ์ มักถูกประเมินค่าต่ำ และการมองข้ามโดยคิดว่าเป็นแค่การโต้ตอบหนังสือ ตามระเบียบกฎหมายที่กำหนดไว้นานแล้ว แม้จะเปลี่ยนแปลง แก้ไข เพิ่มเติม เป็นปัจจุบัน แต่ทุกๆ องค์กรก็จะเน้นย้ำเรื่องการจัดเอกสารมากกว่าเนื้องานจริงๆ เพราะความผิดพลาด ที่เกิดขึ้น ทั้งข้อมูล และข้อกฎหมายเดิม ที่ขัดแย้งและไม่เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติต่างๆ อีกทั้งการได้มาของข้อมูลที่ผิดไปจากความจริง ทำให้เกิดความซับซ้อน ยุ่งยากในการสร้างหรือประเมินกระบวนการจัดการเอกสารที่จะใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ
  • เมื่อเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือที่ง่าย และใช้งานกันอย่างแพร่หลาย การสื่อสารตอบโต้ส่งต่อข้อมูลจึงมากขึ้นทุกหน่วยงาน ส่วนที่ดีของระบบงานอิเล็กทรอนิกส์ คือความสะดวกในการแบ่งปันข้อมูลในระยะทางและหลายองค์กรในโลก เกือบทุกองค์กรผลักดันให้ทันต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบขั้นตอน กระบวนการการทำงานอย่างเพื่อจัดการเอกสารและข้อมูลที่สำคัญ แต่บางส่วน เช่น กฎหมายและรัฐบาลจะจัดการกับข้อมูลที่ละเอียดอ่อนกว่าข้อมูลอื่น ๆ ทุกระดับมีความต้องการข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจที่แตกต่างกันไป จึงมีการจัดระบบข้อมูลข่าวสาร กำหนดตัวชี้วัดสำหรับการประเมินผลที่แตกต่างกันไปในแต่ละระดับ ได้แก่ ระดับนโยบาย ระดับบริหารและระดับปฏิบัติการ
ในยุคสมัยเมื่อยี่สิบปีที่แล้วการประมวลผลข้อมูลข่าวสารในองค์กรส่วนใหญ่ใช้ระบบรวมศูนย์ (centralize) กล่าวคือ มีศูนย์คอมพิวเตอร์ขององค์กรเป็นสถานที่จัดการข้อมูลข่าวสาร ประมวลผลกับที่ศูนย์คอมพิวเตอร์ การใช้คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่เป็นระบบมินิคอมพิวเตอร์หรือ เมนเฟรม ดังนั้นจึงมีใช้กันเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่เท่านั้น ปัจจุบัน โครงสร้างขององค์กรในเรื่องการจัดการสารสนเทศจึงมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนไปตามกระแสเทคโนโลยี ที่สำคัญคือ ระบบจะรวมศูนย์ในลักษณะการมองแบบการรวมทรัพยากรต่าง ๆ ให้เห็นเสมือนหนึ่งว่าทรัพยากรนั้นเป็นของรวมที่แบ่งกันใช้ อีกทั้ง กฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการจึงได้รับการยอมรับว่าเป็น "จุดเปลี่ยนแห่งศตวรรษ" เนื่องจากเป็นการ "เปลี่ยนกระบวนทัศน์" หรือมุมมองเกี่ยวกับโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการโดยประชาชน


ดังนั้น เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาการซ้ำซ้อนในงาน และได้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน คำถามที่เกิดขึ้น ก็คือ
เรามีความรู้เรื่องกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บบันทึกข้อมูลและเอกสารตามกฎหมาย ตามระเบียบงานสารบรรณฉบับเดิม /ฉบับอิเล็กทรอนิกส์ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ หรือแม้แต่ พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 กฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการจึงได้รับการยอมรับว่าเป็น "จุดเปลี่ยนแห่งศตวรรษ" เนื่องจากเป็นการ "เปลี่ยนกระบวนทัศน์" หรือมุมมองเกี่ยวกับโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการโดยประชาชน ตามที่กำหนดไว้ จะต้องมีข้อมูลข่าวสารอย่างน้อย ดังต่อไปนี้

  • โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดำเนินงาน 
  • สรุปอำนาจหน้าที่ที่สำคัญและวิธีการดำเนินงาน 
  • สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสาร หรือคำแนะนำในการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ 
  • กฎ มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือเวียน ระเบียบ แบบแผน นโยบายหรือการตีความทั้งนี้เฉพาะทีจัดให้มีขึ้นโดยมีสภาพอย่างกฎ เพื่อให้มีผลเป็นการทั่วไปต่อเอกชนที่เกี่ยวข้อง
  • ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการกำหนดอ่านและดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.oic.go.th
ตัวอย่างข้อมูลที่เชื่อมโยงกัน
  • หมายเลข 13 หลัก 
  • หมายเลขประกันสังคม
  • ใบอนุญาตขับขี่หรือหมายเลขใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ 
  • PHI และข้อมูลทางการแพทย์อื่น ๆ 
  • เอกสารทางการเงินและไฟล์ 
  • ข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธิ์หรือความลับทางการค้า 
  • บันทึกตุลาการ 
  • ที่อยู่ของบุคคลวันเดือนปีเกิดและตัวระบุที่ไม่ซ้ำอื่น ๆ

ความรู้ขั้นพื้นฐานที่สุดในเรื่องเทคโนโลยีการสื่อสาร มีแค่ไหน 
อ่านข้อต่อไปนี้แล้วตอบตัวเองว่า เรามีคุณสมบัติหรือมีเรื่องเหล่านี้หรือยัง

  • เราเปลี่ยนจากการเขียนจดหมายด้วยมือ พับใส่ซอง ส่งไปรษณีย์ ส่วนในวันนี้ ในการดำเนินงานเอกสาร งานสื่อประชาสัมพันธ์ การสร้างองค์ความรู้ งานบริการ การรวบรวมข้อมูลและแสดงการไหลของกระบวนการต่างๆ ที่เราใช้ควรในรูปแบบภาพ รูปแบบการสร้างแบบจำลองควรเป็นเรื่องง่ายและใช้งานง่ายสำหรับทุกคนในองค์กรเพื่อเริ่มใช้กระบวนการภายในเวลาเพียงสั้นๆ ในการเปลี่ยนพลเมืองไปยุคดิจิทัล
  • เรามีความเข้าใจกระบวนการจัดตารางเวลาด้วยการจัดการเวลาแบบเต็มรูปแบบรวมถึงงานที่ต้องใช้สำหรับการเก็บข้อมูลข่าวส่งอีเมล RSS SMS และทำให้สามารถค้นหาได้ด้วยการตรวจสอบความถูกต้องและการจัดหมวดหมู่เนื้อหาสำหรับภาษาอาหรับและภาษาอังกฤษและพจนานุกรมภาษาอื่น ๆ ประเด็นเรื่องอัตโนมัติหรือทำคู่มือด้วยตนเอง ด้วยมุมมองโฆษณา การรายงานการสนับสนุน
  • การปฏิบัติ เราอ่าน กฎระเบียบ ข้อบ่งใช้ ข้อมูลเฉพาะบุคคล สัญญาอนุญาตในทุกแอพฯ ที่เราใช้หรือไม่
  • เวอร์ชั่นและ ระบบปฎิบัติการ ทรัพยากรข้อมูลข่าวสาร เป็นปัจจุบันแค่ไหน
  • เราอ่านอีเมลล์ การจัดการและการดึงเนื้อหาอีเมลและให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของระบบอีเมลของไมโครซอฟท์หรือ ของกูเกิล หรือที่เราสมัครใช้เซิร์ฟเวอร์เพิ่มเติมเพื่อตอบโต้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงและพื้นที่จัดเก็บลดน้อยลง และดำเนินการสำรองข้อมูล การไม่สามารถประเมินระบุจัดการและทำลายเนื้อหาที่จัดเก็บไว้ในบันทึกอีเมลตามระเบียบและนโยบายภายใน ความไม่รู้ของผู้ใช้ที่กำลังลบเนื้อหาที่สำคัญเพื่อให้เป็นไปตามขีด จำกัด การจัดเก็บกล่องจดหมายที่กำหนด
  • การจัดการข้อมูลและ Search Engine ความสามารถในการทำดัชนีเอกสารจำนวนมาก ความสามารถในการค้นหาที่มีประสิทธิภาพซึ่งจะทำให้องค์กรสามารถจัดหมวดหมู่ ด้วยเครื่องมือค้นหาที่ง่าย การสกัด metadata อัตโนมัติจากภาพวิดีโอเสียง .. ข้อมูลตามบริบทโดยอัตโนมัติโดยการวิเคราะห์และจัดหมวดหมู่ข้อความโดยใช้มาตรฐาน taxonomies และพจนานุกรมรหัสเรื่องมาตรฐานเช่น IPTC NAIC .. และเพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาและมีคุณค่าในการใช้งานให้มากที่สุด
  • มาตรฐานอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ความปลอดภัย การอัพเดทติดตาม ระวังการส่งออกข้อมูลส่งออกรายการเป็น
  • ชุดข้อมูลไปยังรูปแบบต่างๆรวมถึง: CSV, XML, NITF, NewsML, .. และไฟล์ประเภทใด ๆ ภาพรวม Pdf, Incopy, Indesign, วิดีโอ, เสียง, .

แนวคิดการปรับปรุงระบบสำนักงานในสถานศึกษา ในอนาคต (ปี 2561 นี่แหละ)

(ขอบเขต :  การวางแนวทางการปฏิบัติงานสารบรรณตามความสามารถให้สอดคล้องกับภาระงานปัจจุบันให้ครอบคลุม และถูกต้องตามกฎระเบียบ พ.ร.บ.ที่กำหนด) 
จากปัญหาดังกล่าว จึงเกิดแนวคิดในการจัดระบบเอกสาร ข้อมูลต่างๆ ให้สอดคล้องกับระบบสารสนเทศกับ กฎ ระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เอื้อต่อการดำเนินงาน มีความเหมาะสมกับองค์กรตามภาระงานและให้สัมพันธ์ระหว่างระบบสารสนเทศภายในสถานศึกษา สามารถค้นหาข้อมูลได้ง่าย และบุคลากรทุกคนสามารถนำมาใช้ได้   มีช่องทาง และการเชื่อมโยงเครือข่ายงานเพื่อความสะดวกในการทำงานที่ได้รับมอบหมาย เนื่องจากบางครั้งเว็บของหน่วยงานต้นสังกัดอาจปิดปรับปรุงหรือไม่สามารถใช้งานได้ จึงเป็นอีกทางเลือกที่ทำให้การกำเนินงานข้อมูลต่างๆ ตลอดจนการติดต่อ เชื่อมโยงเครือข่าย สืบค้นข้อมูลได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว โดยการหลอมเอาทุกงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องมารวมอยู่ที่เดียวกัน รวมทั้งเหมาะกับการนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของธุรการโรงเรียนที่มีหน้าที่รับผิดชอบงานมากกว่า 1 โรงเรียน และการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เราสามารถกำหนดได้ด้วยตัวเองทุกแฟรทฟอร์ม ว่าจะให้สาธารณะเพื่อประชาสัมพันธ์ หรือ ภายในองค์กร หรือส่วนตัว 


วิธีการ

  • การวางแผนที่จะจัดเก็บและจัดการกระดาษ หรือเอกสารทางกฎหมายดิจิทัลหรือไม่ ในขณะที่ตัวเลือกใดมีประโยชน์และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เหมาะสมกับงานหรือการปฏิบัติของเรามากที่สุด แต่เรา ...เคยสงสัยหรือไม่ว่าข้อมูลประเภทใด จากเอกสาร ครอบคลุมข้อมูลที่มีความซับซ้อน ข้อนี้สำคัญมาก ซึ่งเป็นกระบวนการทำงาน และเหตุระหว่างการดำเนินการบางอย่าง เราไม่สามารถมองเห็นได้ เพราะ เอกสารหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์ถูกสร้างขึ้นและประมวลผลด้วยรหัสภาษาคอมพิวเตอร์ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงระเบียนอิเล็กทรอนิกส์เป็นการยากที่จะติดตาม บันทึกมักจะถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลที่ใช้ร่วมกันซึ่งมีหลายคนสามารถแก้ไขได้ การแก้ปัญหาคือการเก็บบันทึกในระบบการจัดการระเบียนและไม่ใช่เฉพาะสิ่งที่แชร์ ซึ่งช่วยให้ผู้จัดการบันทึกสามารถควบคุมเวอร์ชันได้ เมื่อระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ถูกพิมพ์ออกจะกลายเป็นบันทึกกระดาษ หากกระบวนการนี้มีผู้ติดตามหลายคนพวกเขาอาจเป็นเจ้าของเวอร์ชันต่างๆทั้งหมด สิ่งสำคัญคือต้องระบุว่าต้นฉบับยังคงเป็นเวอร์ชันดิจิทัล
  • เวอร์ชันและประวัติช่วยให้เราสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เกิดขึ้นและประวัติการทำงานทั้งหมดที่รันได้ นี้ช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์และตรวจสอบว่าการเปลี่ยนแปลงจะต้องทำดำเนินการ อะไรบ้างเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพงาน
  • บทบาทและสิทธิพิเศษของผู้ใช้ กำหนดบทบาทผู้ใช้และจัดการโปรไฟล์ผู้ใช้และกลุ่มและกลุ่มที่มีความยืดหยุ่นเพิ่มเติมเมื่อสร้างตัวกรองข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้สำหรับรายการต่างๆ ผู้ใช้หรือกลุ่มทุกคนมีการรักษาความปลอดภัยแบบอ่าน / เขียนในรายการตามสถานะรายการในเวิร์กโฟลว์ ด้วยการแจ้งเตือนคุณสามารถใช้การแจ้งเตือนสีสำหรับรายการที่แสดงในตัวกรองตามเกณฑ์
  • งานประชาสัมพันธ์ กลุ่มจำนวนมากที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ร่วมกันหรือมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องสามารถจัดกลุ่มเข้าด้วยกันในชุดข่าวหนึ่งชุด ซึ่งมีการจัดเตรียมการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ค้นหาวิธีการทำงานที่แตกต่างกันและวิธีการจัดเตรียมงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้นช่วยให้เราหาพอดีระหว่างความต้องการของงานได้
  • เทคโนโลยีที่เราใช้ ช่วยให้สามารถดูงานประจำวันที่ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ได้วางแผนปฏิทินการเลื่อนและการมอบหมายงานที่วางแผนไว้จะช่วยให้ได้รับความช่วยเหลือในเวลาที่มีการนัดหมายตรงกัน
  • การรายงานการรายงานเป็นโซลูชันที่ครอบคลุมในการแสดงรายงานประกอบด้วยชุดเครื่องมือที่สมบูรณ์แบบเพื่อสร้างรายงานที่ตรงกับความต้องการที่ชัดเจนที่สุด ระบบการส่งออกรายงานที่มีประสิทธิภาพซึ่งสนับสนุนรูปแบบต่างๆ เราสามารถใช้รายงานระบบ เรายังสามารถสร้างรายงานแบบง่ายและสร้างรายงานที่ซับซ้อนได้ และยังช่วยให้เชื่อมโยงในส่วนที่เกี่ยวข้องได้
  • เราเข้าระบบรายงานได้และถูกที่หรือไม่  รายงานระบบรายงานแบบอ่านได้หลายฉบับตามกลุ่มชอบทั่วไปการผลิตการวางแผนการบริหาร โดยสร้างรายงานที่กำหนดเอง
  • การออกแบบรายงานร่วมกัน ระหว่างผู้บริหาร - เจ้าของเรื่อง -และ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ธุรการ (โปรแกรมเมอร์หรือ ครูคอมพิวเตอร์ ในกรณีที่ธุรการมีข้อจำกัดด้านการเขียนโปรแกรม ) ซึ่งจะทำให้สามารถสร้างรายงานที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ  ตรงกับงาน ตรงกับบริบทของสถานศึกษา 
  • เครื่องสร้างรายงานผู้ใช้สามารถสร้างรายงานใหม่ที่ไม่สามารถใช้งานได้ในรายงานของระบบ เลือกฟิลด์ที่ต้องการที่จะปรากฏในรายงานที่สร้างขึ้นโดยการเลือกฟิลด์นี้ ผู้ใช้สามารถเพิ่มเงื่อนไขที่จะใช้กับข้อมูลที่เลือกได้ นอกจากนี้ยังได้รับอนุญาตให้บันทึกเงื่อนไขรายงานใหม่ไปยังชื่อใหม่และเพิ่มลงในเมนูรายงาน