วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ศตวรรษที่ 21 (21st Century)



ไทยแลนด์ 4.0 ยุทธศาสตร์การพัฒนา “6R12C3E”
เพื่อการบริหารจัดการสู่การเปลี่ยนผ่านสู่ศตวรรษที่ 21 (21st Century)
  1. Reading การอ่าน เป็นการอ่านแล้วเข้าใจ สรุปความได้ รู้จักใช้ความคิดวิเคราะห์ วิจารณ์และออกความเห็นอย่างมีเหตุผล และนำไปประยุกต์ใช้ในเชิงสร้างสรร
  2. wRiting การเขียน เป็นความชัดเจนของการเขียนที่เลือกใช้คำมีความหมายเด่นชัด อ่านเข้าใจ ไม่คลุมเครือ ถูกต้อง เหมาะสมกับกาลเทศะ กะทัดรัด เร้าความสนใจ สร้างความประทับใจ
  3. Relation Science วิทยาศาสตร์ เป็นความเข้าใจและสามารถนำเอาแนวคิด หลักการ ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ สามารถใช้กระบวนการเพื่อแก้ปัญหา ตัดสินใจ และทำความเข้าใจและตระหนักถึงคุณค่าในความสัมพันธ์ของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  4. aRithmetic คณิตศาสตร์เป็นสิ่งที่ต้องการพัฒนาในการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ (Effective Problem Solvers)
  5. Relation Technology and Innovation เทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นการทำงานโดยการนำความรู้มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานในลักษณะของกระบวนการ (Process) เป็นการใช้อย่างเป็นระบบของวิธีการทางวิทยาศาสตร์หรือความรู้ต่างๆที่ได้รวบรวมไว้ เพื่อนำไปสู่ผลในทางปฏิบัติและแก้ปัญหา ผลผลิต (Product) เป็นผลมาจากการใช้กระบวนการทางเทคโนโลยี และการผสมของกระบวนการและผลผลิต (Process & Product)
  6. Relation Quality คุณภาพ เป็นการสร้างคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญของการบริหารจัดการในองค์กรที่จะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง
  7. Critical Thinking การคิดวิเคราะห์เป็นความสามารถในการแยกแยะเพื่อหาส่วนย่อยของเหตุการณ์ เรื่องราว หรือเนื้อหาต่างๆว่าประกอบด้วยอะไร มีความสำคัญอย่างไร อะไรเป็นเหตุเป็นผลและเป็นอย่างนั้นอาศัยหลักการของอะไร
  8. Creativity ความคิดสร้างสรรค์ เป็นความคิด แนวทาง และทัศนคติใหม่ๆ รวมทั้งความเข้าใจและการมองปัญหาในรูปแบบใหม่
  9. Creative Tension พลังสร้างสรรค์ เป็น การใช้ความพยายามทำให้สำเร็จจากช่องว่างระหว่างความจริงในปัจจุบันกับสิ่งที่คาดหวังที่อาจจะมีอุปสรรค์กับวิสัยทัศน์ซึ่งสามารถเปลี่ยนอุปสรรค์ให้เป็นแหล่งของพลังสร้างสรรค์หรือที่เรียกว่าแรงตึงของความคิดสร้างสรรค์ (Holding Creative Tension) แรงตึงของความคิดสร้างสรรค์จะเป็นศูนย์กลางของความรอบรู้
  10. Critical Proactively การคิดเชิงรุก เป็นการทำงานที่มีเป้าหมายสู่อนาคต การวางแผนและการทำงานเชิงรุกต้องอาศัยข้อมูลข่าวสาร หรือประสบการณ์ เน้นพันธกิจที่ดำเนินงานได้อย่างรวดเร็ว คุ้มค่าและมีคุณภาพ
  11. Communication การสื่อสาร เป็นกระบวนการถ่ายทอดข่าวสารและข้อมูล ความรู้ ประสบการณ์ ความรู้สึก ความคิดเห็น รวมทั้ง ความต้องการจากผู้ส่งสารโดยผ่านสื่อต่าง ๆ
  12. Collaboration การร่วมมือ เป็นการทำงานร่วมกับคนอื่นในทางต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายขององค์กรหรือหน่วยงาน จากการช่วยเหลือซึ่งกัน ด้วยความเต็มใจเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์อย่างเดียวกัน
  13. Collaborative Cultural การเกื้อกูลและแบ่งปัน เป็นความจริงใจที่ไม่เห็นแก่เพียงตัวเองหรือเรื่องของตนเอง แต่เห็นอกเห็นใจ คุณค่าในเพื่อนมนุษย์ มีความเอื้ออาทร เอาใจใส่
  14. Competency สมรรถนะ เป็นคุณลักษณะที่ซ่อนอยู่ภายในตัวบุคคล ซึ่งจะเป็นตัวผลักดันให้บุคคลสามารถสร้างผลการปฏิบัติงานในงานที่ตนรับผิดชอบให้สูงกว่าหรือเหนือกว่าเกณฑ์/เป้าหมายที่กำหนดไว้
  15. Connecting การเชื่อมโยง เป็นกระบวนการแสดงความต่อเนื่อง
  16. Compositionการยึดมั่น เป็น ความมั่นคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงอย่างง่ายๆ และสอดคล้องกับความต้องการ
  17. Controlling การกำกับและติดตาม เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทราบผลการปฏิบัติงานบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมาย
  18. Cost Effectivenessการใช้ทรัพยากรที่คุ้มค่า เป็นการใช้ทรัพยากรต่างๆให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่ามากที่สุด
  19. Empowerment . การเสริมสร้างพลังอำนาจ เป็นการสร้างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่ดี และมีความสำคัญในการปรับกระบวนการทำงานเพื่อให้บรรลุประสิทธิผลและนำพาตนเอง กลุ่มและองค์กรให้ประสบความสำเร็จ
  20. Efficiency & Effective . ประสิทธิภาพและประสิทธิผล เป็นความสามารถทำงานให้สำเร็จไม่ว่าจะเป็นการบรรลุความสำเร็จในรูปแบบของภารกิจ เป้าหมาย นโยบาย หรือวัตถุประสงค์
  21. Evaluation การประเมินผล เป็นการนำเอาข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการวัดรวมกับการใช้วิจารณญาณของผู้ประเมินมาใช้ในการตัดสินใจ


วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2565

อะไรจะหายไป เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ขึ้นเรื่อยๆ

อะไรจะหายไป เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ขึ้นเรื่อยๆ


โพสต์26 เม.ย. 2557 03:35โดยออฟฟิศ ของแอล
เมื่อมีการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้น ก็ต้องมีส่วนที่ล้าสมัยและกำลังจะหายไป รายงานข่าววิทยาศาสตร์ฯ ฉบับนี้ ขอนำเสนอบทความชิ้นหนึ่งจากนิตยสาร The Futurist ที่นักอนาคตศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รูปแบบการดำรงชีวิตที่อาจจะเปลี่ยนแปลงหรือหายไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเนื่องจากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต นักอนาคตศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้อย่างไรบ้าง .......

อันดับที่1. ความเหลื่อมล้ำทางวัฒนธรรม ภาษา และการศึกษา

สมาร์ทโฟนทำให้คนรุ่นใหม่ในปี ค.ศ. 2020 สามารถเข้าถึงข้อ้อมูลข่าวสารได้จากทั่วโลกอย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นการศึกษาที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาครูผู้สอน เยาวชนในยุคนั้นจะใช้ภาษาของประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นหลัก เช่น ภาษาอังกฤษและภาษาจีน และจะซึมซับวัตนธรรมที่คล้ายคลึงกัน ทำให้ความเหลื่อมล้ำต่างๆ หายไป แต่ในข้อดีก็มีข้อเสียปนอยู่ นั่นคือ ในปี 2030 ภาษาจำนวน 3 พัน ภาษาจากที่มีอยู่ทั้งหมดในปัจจุบัน 6 พันภาษาจะหายสาบสูญไป รวมถึงคนรุ่นต่อๆ ไปอาจจะไม่มีความเข้าใจและความอดในความแตกต่างด้านวัฒนธรรม
อันดับที่ 2  ระบบการศึกษาในปัจจุบัน

เทคโนโลยีจะลบล้างระบบการศึกษาที่แบ่งกลุ่มนักเรียนตามอายุการเลื่อนระดับชั้นเรียนจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล นักเรียนจะมีโอกาสในการค้นพบและเลือกสาขาความเชี่ยวชาญได้เร็วขึ้น (เช่นเดียวกับนักกรีฑาในปัจจุบัน ที่นักกรีฑาสามารถเลือกสาขากีฬาที่ตนชอบได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก) แม้ว่า การเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะฟังดูดี แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ บริษัทผู้นำด้านโทรคมนาคมบางแห่งอาจจะกลายเป็นผู้ควบคุมการศึกษาของคนในอนาคต เพราะพวกเขามีเครื่องมือสื่อสารทั้งหมดอยู่ในมือ

อันดับที่ 3 รูปแบบของสหภาพยุโรป

ความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้าในประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรปจะแตกต่างไป โดยข้อจำกัดต่างๆ จะถูกทำลายลงและจะมีการปกครองแบบรัฐบาลเดียว สหภาพยุโรปจะกลายเป็นสหรัฐยุโรป (United Europe)และพูดภาษาเดียวกัน
อันดับที่ 4 งาน

ในปี ค.ศ. 2030 งานกว่า 2 พันล้านตำแหน่งจะหายสาบสูญไป เทคโนโลยีที่เป็นปัจจัยสำคัญคือ เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต เทคโนโลยีหุ่นยนต์ เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ เทคโนโลยีการจัดแต่งพันธุกรรม และอื่นๆ อย่างไรก็ตามแม้เทคโนโลยีเหล่านี้จะทำลายงานแบบดั้งเดิม ขณะเดียวกันก็สร้างงานรูปแบบใหม่ๆ ที่เราอาจจะคิดไม่ถึงขึ้นเช่นกัน

อันดับที่ 5 ร้านค้า

ห้างร้านต่างๆ ในปี 2030 จะไม่ใช่ห้างร้านในรูปแบบที่เรารู้จักอีกต่อไป ผู้บริโภคจะใช้อินเตอร์เน็ตในการศึกษาคุณสมบัติ ความสามารถ และราคาของสินค้า จากนั้นก็แวะไปที่ห้างร้านเพื่อทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ซึ่งจะมีเพียงหุ่นยนต์คอยให้บริการ และตอบคำถามพื้นฐานของผู้ที่สนใจ จากนั้นผู้บริโภคก็จะสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ เมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน ก็จะพบกับสินค้าที่เพิ่งสั่งไว้ตั้งรออยู่ที่หน้าประตู

อันดับที่ 6 หมอ

ในปี 2030 เทคโนโลยีจะทำให้การตรวจวินิจฉัยโรคบางอย่างสามารถทำได้เองที่บ้านของคุณ สมาร์ทโฟนและเทคโนโลยี Cloud computing จะสามารถตรวจระดับน้ำตาลระดับออกซิเจน ระดับการเต้นของหัวใจ และอื่นๆ ได้ หุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่แพทย์ผ่าตัด แพทย์จะมีจำนวนน้อยลงและจะต้องเป็นแพทย์ที่มีความสามารถสูงเท่านั้น พวกเขาจะสามารถปฏิบัติงานได้จากทุกแห่งทั่วโลกผ่านระบบควบคุมทางไกล จะมีเพียงบุคคลสำคัญๆ หรือผู้ที่มีความสามารถทางการเงินสูงที่ได้รับสิทธิพิเศษในการรับการรักษาจากแพทย์จริงๆ

อันดับที่ 7 กระดาษ

นอกจากหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และเอกสารต่างๆ ที่พิมพ์ลงบนกระดาษจะหายไปแล้ว ธนบัตรก็จะหายไปด้วย ทุกอย่างจะอยู่ในรูปแบบดิจิตอล โรงพิมพ์จำนวนมากต้องปิดกิจการหนังสือที่เป็นรูปเล่มพิมพ์บนกระดาษแม้จะไม่หายสาบสูญไปโดยสิ้นเชิง แต่ที่จะพบได้จะเป็นหนังสือที่พิมพ์โดย Self-Publishing หรือการจัดพิมพ์ด้วยตนเอง
อันดับที่ 8 ประสบการณ์แบบดั้งเดิมของมนุษย์

ในอนาคตจะไม่มีคำว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล” เพราะข้อมูลของเราทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นวันเดือนปีเกิด ประวัติการศึกษาหมายเลขบัตรเครดิต ประวัติการรักษาพยาบาล จะถูกบันทึกและบุคคลอื่นๆ จะสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ต่อไป เราจะขาด “การไตร่ตรอง” เพราะสมาร์ทโฟนและเทคโนโลยีการสื่อสารอื่นๆ ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ทุกที่ทุกเวลา นอกจากนั้น เทคโนโลยีในอนาคตจะสามารถตรวจรับการรับรู้ต่างๆ ของร่างกายเราได้ เช่น จังหวะการเต้นของหัวใจระหว่างการออกกำลังกาย และคอยให้คำแนะนำว่าเราควรจะหยุดหรือเร่งการออกกำลังกายเทคโนโลยีเหล่านี้จะทำให้เราไม่มีโอกาสที่จะครุ่นคิดและสื่อสารกับร่างกายของเรา “การรอคอย” จะกลายเป็นสิ่งที่เราไม่คุ้นเคย เพราะทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการฝาก-ถอนเงิน สั่งอาหารจองบัตรโดยสารต่างๆ สามารถทำได้ทันทีผ่านระบบคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยียังสามารถบอกเราได้อีกว่า ขณะนี้ที่สนามบินมีผู้โดยสารมากน้อยแค่ไหนและเราควรมาถึงสนามบินเวลาใดเพื่อหลีกเลี่ยงการรอคอย นอกจากนั้นเราก็จะไม่ “หลงทาง” เพราะเทคโนโลยีจะคอยบอกตำแหน่งของเราและแนะนำเส้นทางได้อยู่ตลอดเวลา
อันดับที่ 9 สมาร์ทโฟน

เทคโนโลยีทุกวันนี้มีอายุสั้น สมาร์ทโฟนเองก็จะกลายเป็นเทคโนโลยีล้าสมัยในอนาคตอันใกล้เช่นกัน เทคโนโลยีในยุคต่อไปจะเป็นเทคโนโลยีที่สามารถสวมใส่ได้ เช่นที่เราได้เห็นกันเมื่อไม่นานที่ผ่านมา คือ Google glasses ยิ่งไปกว่านั้นเราเตรียมบอกลาคีย์บอร์ดหรือเม้าส์ไปได้เลย นักอนาคตได้คาดการณ์ไว้ถึงเทคโนโลยีที่จะเป็นที่นิยมในอนาคต คือ Intelligent Web (2017 – 2020), Intelligent Interface และ Virtual Reality (2019 – 2023), Thought power และ AI หรือ Artificial Intelligence (2024 – 2031)
อันดับที่10 ความไม่ปลอดภัย

ต่อไปเราจะไม่มีอุบัติเหตุบนถนน เพราะยานพาหนะจะสามารถสื่อสารกันได้และหลีกเลี่ยงการปะทะกันได้การโจรกรรมจะสิ้นสุดลง เพราะของมีค่าทุกอย่างจะถูกติดตั้งเครื่องมือติดตามตัว ซึ่งจะมีขนาดเท่ากับอนุภาคเล็กๆที่สามารถใส่ไว้กับวัสดุใดก็ได้